Seagate ยักษ์ใหญ่วงการฮาร์ดดิสก์ประกาศเปิดตัวสินค้าใหม่ในงาน CES 2015 ประกอบด้วย ฮาร์ดดิสก์เสริมที่บางที่สุดในโลกในชื่อรุ่น Seagate Seven ที่บางเพียง 7 มิลลิเมตร มาพร้อมกับฮาร์ดดิสก์ขนาด 500 GB ขนาด 2.5 นิ้ว, USB 3.0 และดีไซน์ที่สวยหรู ทำด้วยวัสดุโลหะชั้นดี สนนราคาอยู่ที่ 99.99 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว ๆ 3,290 บาท) วางจำหน่ายภายในเดือนนี้ครับ (Seagate)

ถัดมาเป็น Seagate Wireless ฮาร์ดดิสก์พกพาความจุสูง (ที่ Seagate คุยว่าสามารถใส่ภาพยนตร์ระดับ HD ได้ถึง 20 เรื่อง) ถูกออกแบบให้รองรับการแชร์ข้อมูลระหว่างเครื่องผ่านระบบ Wi-Fi ภายในตัว ใช้งานได้ทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ทั้ง Android, iOS, Amazon Fire, พีซีระบบ Windows 8 และแท็บเล็ต Windows 8 ผ่านแอป Seagate Media รองรับการแชร์ผ่าน Apple Airplay, Chromecast, ทีวีซัมซุง, แอลจี และ Roku สนนราคาอยู่ที่ 129.99 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว ๆ 4,290 บาท) วางจำหน่ายเดือนหน้าครับ (Seagate)

ตัวถัดมาก็คือ Seagate Personal Cloud ฮาร์ดดิสก์สำหรับการสำรองข้อมูลและการจัดเก็บข้อมูลผ่านระบบเน็ตเวิร์ก (หรือ NAS) จุดเด่นของมันคือการรองรับการสตรีมมิ่งเนื้อหาผ่านแอป Seagate Media รวมไปถึงการแชร์โดยตรงผ่าน DLNA บนทีวีที่รองรับ รวมไปถึงเครื่องเล่นเกมอย่าง PlayStation (ตั้งแต่ PS3 เป็นต้นไป) และ Xbox (ทั้ง Xbox 360 และ Xbox One) นอกจากนี้ Seagate Personal Cloud ยังรองรับการสำรองข้อมูลขึ้นไปยังบริการพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวอื่น ๆ เช่น Amazon S3, Box, Dropbox, Baidu, Google Drive (โดยมีตัวเลือกให้ซิงก์สำหรับ Baidu, Dropbox และ Google Drive)

Seagate Personal Cloud ยังรองรับการติดตั้งแอปจากผู้ผลิตภายนอก เช่น WordPress, BitTorrent Sync, Elephant Drive และผู้ผลิตอื่น ๆ โดยทาง Seagate มี SDK สำหรับอุปกรณ์เหล่านี้รองรับไว้แล้ว และมันยังสามารถสำรองข้อมูลจากพีซีของเราได้อีกด้วย Seagate Personal Cloud มีทั้งหมด 2 รุ่นคือ Personal Cloud และ Personal Cloud 2-Bay ความแตกต่างคือ รุ่น 2-Bay จะรองรับการสำรองข้อมูลระหว่างฮาร์ดดิสก์ภายในเครื่องเพื่อป้องกันข้อมูลสูญหายเมื่อฮาร์ดดิสก์ลูกใดลูกหนึ่งเสียไป สนนราคาตามลิสต์ด้านล่างครับ

• Seagate Personal Cloud มีให้เลือก 3 ความจุคือ 3 TB, 4 TB และ 5 TB สนนราคาเริ่มต้นที่ 169.99 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว ๆ 5,590 บาท) สูงสุดที่ 249.99 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว ๆ 8,250 บาท)
• Seagate Personal Cloud 2-Bay มีให้เลือก 3 ความจุคือ 4 TB, 6 TB และ 8 TB เริ่มต้นที่ 299.99 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว ๆ 9,900 บาท) สูงสุดที่ 479.99 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว ๆ 15,900 บาท)

ทั้งสองรุ่นจะวางจำหน่ายเดือนนี้ครับ (Seagate)

นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่จากแบรนด์ลูกของ Seagate อย่าง LaCie ที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น คือ LaCie Rugged RAID และ LaCie Mirror เริ่มจาก LaCie Rugged RAID ซีรีย์ฮาร์ดดิสก์เสริมแบบถึกทนตระกูล Rugged ที่ในรอบนี้ได้พัฒนาเพิ่มระบบ RAID เข้าไปในฮาร์ดแวร์ของตัวฮาร์ดดิสก์ ทำให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้นกว่าเดิมมาก ด้วยความเร็วในการเขียนและอ่านที่ 240 MB/s ประกอบกับฮาร์ดดิสก์ในตัวจำนวน 2 ตัวในแพกเกจเดียวกัน รองรับการสำรองข้อมูลระหว่างไดรว์ มั่นใจว่าข้อมูลไม่สูญหายแน่นอน พร้อมการเชื่อมต่อผ่านพอร์ต Thunderbolt และ USB 3.0 และฮาร์ดดิสก์ขนาด 4 TB

สนนราคาของ LaCie Rugged RAID อยู่ที่ 449.99 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว ๆ 14,900 บาท) วางจำหน่ายไตรมาสนี้ครับ (LaCie)

อีกตัวคือ LaCie Mirror ซึ่งเป็นฮาร์ดดิสก์เสริมรูปสี่เหลี่ยมพื้นผ้าที่มีสองด้านเป็นกระจกเงา โดยตัวกระจกที่ครอบนั้นใช้กระจก Gorilla Glass 3 กันรอยขีดข่วนบนกระจกได้เป็นอย่างดี ตัวเครื่องดีไซน์โดย Pauline Deltour นักออกแบบชาวฝรั่งเศสชื่อดัง มาพร้อมกับฮาร์ดดิสก์ขนาด 1 TB สนนราคาอยู่ที่ 279.99 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว ๆ 9,250 บาท) วางจำหน่ายเดือนนี้ครับ (LaCie)

นอกจากนี้ Seagate ยังได้ประกาศปรับโลโก้บริษัทใหม่ โดยชูคอนเซปต์ "Living Logo" เน้นไปที่ความมีชีวิตของผลิตภัณฑ์ พร้อมตอกย้ำในทุก ๆ ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Seagate โดยโลโก้นี้ออกแบบโดยเอเจนซี Goodby Silverstein & Partners และภาพ "Living Logo" เกิดจากความร่วมมือกับ Getty Image เว็บไซต์ฝากภาพระดับพรีเมี่ยมชื่อดัง โดยจะเริ่มใช้โลโก้ใหม่นี้ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคมนี้เป็นต้นไป